วันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2557

P&G (Procter & Gamble)



พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (อังกฤษ: Procter & Gamble; NYSE: หรือ P&G) เป็นบริษัทข้ามชาติผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคจากสหรัฐอเมริกา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามที่เราจักกันดี อาทิ เช่น แชมพูเฮดแอนด์โชว์เดอร์ ,เฮอร์เบิล เอสเซนท์ ,แพนทีน ,Ponds Olay , ยาสีฟัน Oral B, ผ้าอ้อมเด็ก Pampers , มีดโกน Gillette ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม ดาวนี่(downy) , เสื้อผ้าแบรนด์ Lacoste และถ่าน ดูราเซล (Duracell) และมันฝรั่งทอดฟิงเกิลส์(Pringles) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองซินซินแนติ รัฐโอไฮโอ

Proctor & Gamble เป็นลูกค้ารายสำคัญของบริษัท Avgol (ขายวัตถุดิบสำหรับผ้าอนามัยและผ้าอ้อมเด็ก) ซึ่งมีโรงงานอยู่ที่อเมริกา รัสเซีย จีน และมีโรงงานอีกแห่งหนึ่งบริเวณเขตอุตสาหกรรม Barkan ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อิสราเอลยึดครองในเขตเวสแบงค์

Proctor & Gamble ได้เรียกอิสราเอลว่า การเริ่มต้นประชาชาติ อันแสดงถึงการเห็นด้วยในการสร้างชาติและประเทศอิสราเอลขึ้น ยังได้สนับสนุนทางการเงินให้แก่องค์กรหลายองค์กรของอิสราเอล มีการสร้างองค์กรที่เรียกว่า บ้านแห่งนวัตกรรม อิสราเอล :Israel House of Innovation (IHI) ได้ถูกสร้างหลังจากที่ CEO Bob McDonald ได้เสียชีวิตไป 5 ปี ซึ่งเป้าหมายที่สำคัญอย่างยิ่งของการสร้างองค์กรนี้ก็เพื่อความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง P&G กับผู้คิดค้นผลิตนวัตกรรมใหม่กับอิสราเอล อีกทั้งยังมีการลงทุนร่วมกันในอิสราเอลเกี่ยวกับการพัฒนาและค้นคว้าผลิตภัณฑ์ต่างๆ หลายพันล้านเหรียญ

นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ให้บอยคอตเครือ P&G เพราะนำสัตว์มาทดลองอีกด้วย

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.stopdebezetting.com/boycot-divestment-sanctions-bds/palestina-boycott-facts-figures.html
http://th.m.wikipedia.org/wiki/พรอคเตอร์_แอนด์_แกมเบิล
http://www.buycottisrael.com/blog/procter-gamble-explains-why-israel-is-the-startup-nation/

มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ (Marks & Spencer)


มาร์คแอนด์สเปนเซอร์ ( Marks and Spencer ) บริษัทที่ทรงพลังมากที่สุดแห่งหนึ่งของอังกฤษ อายุกว่า 125 ปี มีสาขามากกว่า 900 สาขาทั่วโลก คนไทยส่วนใหญ่รู้จักแบรนด์นี้ในผลิตภัณฑ์ประเภทเสื้อผ้า, ชุดชั้นใน,รองเท้า,เครื่องสำอาง,อาหารและขนมขบเคียวสไตล์อังกฤษ ฯลฯ

ตำนานของ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ หรือที่รู้จักอีกชื่อว่า เอ็มแอนด์เอส เริ่มตั้งแต่ปี 1884 เกิดขึ้นจากการร่วมหุ้นกันระหว่าง ไมเคิล มาร์ค ซึ่งเป็นชาวยิวโปแลนด์เชื้อสายรัสเซียที่อพยพมายังอังกฤษ และทอม สเปนเซอร์ ก่อเกิดเป็นตำนานมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ กระทั่งทั้งสองเสียชีวิตลง ทายาทจึงเข้าดำเนินกิจการแทน โดย ไซมอน มาร์ค ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธานบริษัทแทนบิดา และเริ่มขยายกิจการเข้าสู่ลอนดอน จนกลายเป็นร้านค้าขนาดใหญ่และแผ่อาณาเขตไปทั่วอังกฤษ ก่อนที่จะขยายวงกว้างไปยังทวีปยุโรปและกระจายสาขาไปทั่วโลกในเวลาต่อมา

ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล

นอกจากบริษัทมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ จะจำหน่ายสินค้าในอิสราเอลบนพื้นที่ที่ยิวยึดครองไปจากมุสลิมแล้ว ยังมีหลักฐานจากหนังสือของบริษัทมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ว่า บริษัทนี้มีความเชื่อมโยงกับไซออนิสต์โดยลอร์ด มาร์คัส เซียฟ ซึ่งเป็นยิวประธานของบริษัทได้ระบุไว้ว่า วัตถุประสงค์อย่างหนึ่งของบริษัทก็คือช่วยพัฒนาเศรษฐกิจของอิสราเอลทั้งนี้เนื่องจากเซียฟมีความสนิทสนมใกล้ชิดกับผู้นำไซออนิสต์อย่างไชม์ ไวซแมนน์ เป็นอย่างมาก และเชียฟเองก็เคยเข้าร่วมกับกองทัพอิสราเอล ทั้งยังช่วยประสานงานให้บริษัทมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์สนับสนุนอิสราเอล

ในปี 1998 มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ ได้รับรางวัล จูบะลี อวอร์ดจากนาย เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดที่ทางการอิสราเอลมอบให้กับบรรดาบุคคลและองค์กรที่เสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจให้กับอิสราเอล

ปี 2000 มีรายงานว่ามาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์สนับสนุนทางด้านการค้ากับอิสราเอลประมาณ 233 ล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละปี และเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศอังกฤษเคยยกย่องบริษัทมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ว่าเป็นบริษัทที่สนับสนุนประเทศอิสราเอล


แหล่งข้อมูลอ้างอิง http://www.inminds.co.uk/boycott-marks-and-spencer.html
http://www.themodernreligion.com/jihad/m-s.html 
http://en.wikipedia.org/wiki/Marcus_Sieff,_Baron_Sieff_of_Brimpton

ที่มา สารมุสลีมะฮ

เครื่องสำอางเอสเต ลอเดอร์ (ESTÉE LAUDER)


Boycott ESTÉE LAUDER บริษัทเครื่องสำอางค์ยิวไซออนิสต์หัวรุนแรง

บริษัทเครื่องสำอางยักษ์ระดับโลกของประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งเมื่อปี 1946 โดยเอสเต ลอเดอร์ สตรีชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ปัจจุบันบริษัทเอสเต ลอเดอร์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, เครื่องสำอาง, น้ำหอม และผลิตภัณฑ์บำรุงผม มีสินค้าจำหน่ายใน 130 ประเทศ ทุกทวีปทั่วโลก ภายใต้ยี่ห้อหลากหลาย อาทิ เอสเต ลอเดอร์, อรามิส, คลินิกข์, เพรสคริปทีฟส์, ออริจินส์, แมค, ลาแมร์, บ๊อบบี้ บราวน์, ทอมมี่ ฮิลฟิเกอร์, ดอนน่า คาราน, อเวด้า, สติลล่า, โจ มาโลน, บัมเบิ้ลแอนด์บัมเบิ้ล, ดาร์ฟีน ปารีส, ไมเคิล คอร์ส และโรดานแอนด์ฟิลส์

สำหรับประเทศไทย ได้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและน้ำหอมหลากหลายยี่ห้อภายใต้บริษัท เอลก้า (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทสาขาของเอสเต ลอเดอร์ คอมพานี อิงค์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2534

ความสัมพันธ์กับอิสราเอล

ปัจจุบันบริษัทเอสเต ลอเดอร์ก็ยังถูกควบคุมการบริหารโดยตระกูลลอเดอร์ จะเรียกว่าเป็นบริษัทของยิวเลยก็ว่าได้ และหนึ่งในผู้บริหารอย่าง นายโรนัลด์ ลอเดอร์ ผู้เป็นลูกชายคนเล็กของเอสเต ลอเดอร์ ก็ประกาศอยู่ข้างอิสราเอลอย่างชัดเจน ทั้งนี้นายโรนัลด์ ลอเดอร์ เคยได้ดำรงตำแหน่งประธานของการประชุมกลุ่มผู้นำองค์กรของชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ในปี 2001 และเป็นประธานกองทุนชาวยิวแห่งชาติ (JNF) ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของรัฐบาลโดยมีหน้าที่หลักคือทำให้การแย่งชิงดินแดนจากชาวปาเลสไตน์ของอิสราเอลเป็นสิ่งถูกต้องและชอบด้วยกฎหมาย

นายโรนัลด์ ลอเดอร์ เป็นไซออนิสต์หัวรุนแรง เขาเคยเข้าพบนายเอเรียล ชารอน และบอกว่าชาวอเมริกันเชื้อสายยิวหลายคนสนับสนุนและพร้อมที่จะช่วยเหลือชารอน โดยเขากล่าวฉันไม่เคยเห็นกลุ่มยิวอเมริกันสามัคคีกลมเกลียวกันเช่นนี้มานาน จนกระทั่งวันนี้

มุสลิมอเมริกันประกาศคว่ำบาตร

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2001 กลุ่มมุสลิมอเมริกันเพื่อเยรูซาเล็ม(AMJ) เป็นแกนนำออกมาเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่อย่าง เอสเต ลอเดอร์ การเรียกร้องครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่ โรนัลด์ ลอเดอร์กำลังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทระหว่างประเทศซึ่งสนับสนุนความรุนแรงที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์ คอลิด ฏุรอนียฺ กรรมการบริหารกลุ่มมุสลิมอเมริกันเพื่อเยรูซาเล็ม กล่าวว่า การคว่ำบาตรเอสเต ลอเดอร์จะสร้างความกระจ่างให้กับประชาชนในการที่จะปฏิเสธการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอิสราเอลที่มุ่งสร้างความรุนแรงและละเมิดสิทธิมนุษยชน

ในเดือนมกราคม ลอว์เดอร์เป็นตัวชูโรงสำคัญจากอเมริกาในการชุมนุมที่เยรูซาเล็ม ซึ่งมีขึ้นเพื่อต่อต้านการพิจารณาการต่อรองสินค้าในเยรูซาเล็ม ลอว์เดอร์ได้ขึ้นปราศรัยต่อหน้าชาวอิสราเอล 300,000 คน ที่ประตูของอัล-ฮะรอม อัช-ชะรีฟ(บริเวณที่ตั้งของมัสญิดอัล-อักซอ 1 ใน 3 ศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิม) ท่ามกลางผู้ต่อต้านบางคนที่พยายามจะห้ามไม่ให้เขาเข้าไปสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนั้น คำปราศรัยของโรนัลด์ ลอว์เดอร์นี้มีขึ้นขณะที่รัฐบาลอิสราเอลกำลังดำเนินมาตรการเพื่อกีดกันการเข้ามาของประชากรชาวปาเลสไตน์

ในสหรัฐฯ ลอว์เดอร์ได้แสดงให้เห็นความต้องการที่แท้จริงของเขาอย่างเปิดเผย ด้วยการสนับสนุนการหาแผ่นดินเกิดและกลับเข้าประเทศของยิวอย่างบ้าคลั่ง นอกจากนั้นเขายังแสดงความเห็นคัดค้านการอนุญาตให้ผู้อพยพชาวปาเลสไตน์กลับสู่บ้านเกิดอีกด้วย

สำหรับอิสราเอล การอนุญาตให้ชาวปาเลสไตน์กลับเข้ามา นับเป็นการฆ่าตัวตายระดับชาติลอว์เดอร์กล่าวปราศรัยต่อสาธารณชนในเดือนกันยายน

ในขณะที่ฏุรอนียฺกรรมการบริหารกลุ่มมุสลิมอเมริกันเพื่อเยรูซาเล็มได้วิเคราะห์จุดยืนของลอว์เดอร์ว่า การคัดค้านการอพยพกลับประเทศของชาวปาเลสไตน์ของลอว์เดอร์ก็เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นสถานะที่ชัดเจนของความเป็นยิวในตัวเขา
 
แหล่งข้อมูลอ้างอิง

http://en.wikipedia.org/wiki/Ronald_Lauder#Jewish_and_Zionist_efforts

http://www.inminds.com/boycott-estee-lauder.html



ที่มา สารมุสลีมะฮ

วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

คิมเบอลี่-คล๊าค (Kimberly Clark)


คิมเบอลี่ คล๊าค (Kimberly-clarck) บริษัทเก่าแก่ของอเมริกา อายุ 136 ปี ยอดจำหน่ายกว่า 14,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี จนเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือนและส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดในอเมริกา และเป็นผู้ผลิตกระดาษชำระรายใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของโลก ภายใต้เครื่องหมายการค้าที่รู้จักอย่างดี อาทิ เช่น กระดาษชำระคลีเน็กซ์(Kleenex) สก็อตต์(Scott) ผ้าอ้อมสำเร็จรูปฮักกี้ส์(Huggies) และผ้าอนามัยโกเต็กซ์(Kotex) ซึ่งเป็นสินค้าชั้นนำที่ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่อันดับ 1 หรือ 2 จนกว่า 80 ประเทศทั่วโลก วางจำหน่ายมากกว่า 150 ประเทศ มีโรงงานผลิตอยู่ใน 36 ประเทศ และประเทศไทยก็คือหนึ่งในฐานการผลิตถึงสามโรงงานด้วยกัน

ความสัมพันธ์กับอิสราเอล

ในปี 1998 นาย Robert P.Van Der Merwe ประธานบริษัทึิมเบอรี่ย์ คล๊าค ยุโรป ได้รางวัล "จูบะลี อวอร์ด" จากนายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเป็นรางวัลทรงเกียรติสูงสุดที่เอสราเอลมอบให้กับบุคคลและองค์กรที่ที่ก่อประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของอิสราเอล

นอกจากนี้ บริษัทคิมเบอรี่ย์ คล๊าค ยังได้เข้าลงทุนโดยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (50.1%) ในบริษัท Hogla Kimberly ซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำในด้านสินค้าอุปโภคบริโภคใรอิสราเอล ที่เหลือ 49.9 ถือหุ้รโดยบริษัท Anerican israeli paper mills Group

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.inminds.co.uk/boycott-kimberly-clark.html
www.kimberly-clark.com/investors/annual_reports.aspx

ทิมเบอร์แลนด์ (Timberland)


ทิมเบอร์แลนด์ (Timberland) บริษัทสัญชาติอเมริกัน เป็นผู้นำระดับโลกในด้านการออกแบบ วิศวกรรมและการจำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องแต่งกายทั้งชายและหญิง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด เสื้อเชิ้ต หมวก รองเท้า ถุงเท้า รวมทั้งครื่องประดับต่างๆ เช่น นาฬิกา แว่นตา เข็มขัด เป็นต้น

บริษัททิมเบอร์แลนด์ก่อตั้งเมื่อปี 1952 โดยนายนาธาน สวอร์ตช์ ชาวยิวผู้มีอาชีพช่างทำรองเท้าที่เมืองบอสตัน รัฐแมตซาชูเซตส์ ปัจจุบันมีนายซิดนีย์ ดับเบิลยู สวอร์ตช์ ดำรงตำแหน่งประธานบริหารของบริษัท และนายเจฟฟรี่ สวอร์ตช์ เป็นประธานคณะกรรมการระดับสูง(ซีอีโอ) ตั้งแต่ปี 1998 ทั้งนี้ นายเจฟฟรี่เป็นผู้ที่มีบทบาทอย่างมากในการสนับสนุนการอพยพชาวยิวเข้าสู่ปาเลสไตน์และถึงแม้ว่าทิมเบอร์แลนด์จะมีบริษัทในเครือมากมายแต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยังเป็นคนในตระกูลสวอร์ตช์ บริษัทเครื่องแต่งกายทิมเบอร์แลนด์ได้แก่ ทิมเบอร์แลนด์โปร, โฮวี่ส์ , ไอแพท และสมาร์ทวูล

CEO ทิมเบอร์แลนด์กับการสนับสนุนอิสราเอล

เมื่อเมษายนปี ค.ศ.2002 หลังจากเหตุการณ์สังหารผู้บริสุทธ์ที่เมืองญินีน ทางตอนเหนือของเวสต์แบงค์ เจฟฟรี่ สวอร์ตช์ได้แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างเขากับชาวยิว ด้วยการไปเยือนอิสราเอลและช่วยหาหนทางที่ดีที่สุดที่อิสราเอลจะโฆษณาชวนเชื่อเพื่อให้ได้การยอมรับจากสื่อในอเมริกา ในการสัมภาษณ์ซึ่งเขาได้แสดงตัวชัดเจนว่าพูดในฐานะซีอีโอของทิมเบอร์แลนด์ สวอร์ตช์แนะนำให้ส่งกองกำลังอิสราเอล 100 นาย ที่มีส่วนการสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์ครั้งล่าสุดที่ญินีนไปยังสหรัฐอเมริกา ในฐานะตัวแทนที่อิสราเอลให้คำรับรองว่าพวกเขาเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่สหรัฐสามารถเกี่ยวข้องด้วยได้ ซีอีโอของทิมเบอร์แลนด์ผู้นี้ยังได้แสดงความปรารถนาที่จะให้มีการรณรงค์การระดมพลทหารอเมริกันเชื้อสายยิว 100,000 นาย เพื่อที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง และเชิญชวนให้เขียนเชคงินสดเพื่อช่วยเหลืออิสราเอล และนำทหารอเมริกันเชื้อสายยิว 25,000 นายเข้าไปยังอิสราเอลในช่วงปลายฤดูร้อน รวมทั้งรณรงค์ให้ช่วยเหลืออิสราเอลจากภาวะฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ

สตาร์บัค (Starbucks)



สตาร์บัคส์ (Starbucks) ร้านจำหน่ายกาแฟอันดับ 1 ของสหรัฐอเมริกา มีสาขามากกว่า 16,635 แห่งทั่วโลก ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1971 ในซีแอตเติล โดยคอกาแฟสามคนคือนายซิฟ ซีเกิล (Ziv Siegle) เชื้อสายยิว นายกอร์ดอน โบเคอร์ (Gordon Bowker) และนายเจอรี บัลด์วิน (Jerry Baldwin) ต่อมาในปี 1982 โฮเวิร์ด ชูลทส์ (Howard Schultz) ซึ่งก็เป็นชาวยิวเช่นกัน ได้เข้ามาร่วมงานกับสตาร์บัคส์ โดยบริหารงานด้านการตลาด และค้าปลีก ปัจจุบันโฮวาร์ด ชูลทส์ ได้รับตำแหน่งเป็นซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้ นอกจากนี้สตาร์บัคส์ยังมีบริษัทในเครือได้แก่บริษัทจำหน่ายชา "ทาโซ" (Tazo) เฮียร์ มิวสิค" (Hear Music) ซีแอตเติล เบสท์ คอฟฟี่" (Seattle's Best Coffee) น้ำดื่มบริสุทธิ์ อีธอส วอเตอร์ (Ethos Water) และ กาแฟ Torrefazione Italia

สตาร์บัคส์กับการสนับสนุนอิสราเอล

ในปี 1998 โฮวาร์ด ชูลทส์ ได้รับเกียรติจากกองทุนเยรูซาเล็มของนายอัยช์ ฮาเตารอต เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี ประเทศอิสราเอล แด่เพื่อนผู้ให้การเอื้อเฟื้อสนับสนุนชาวยิว ซึ่งนายโฮวาร์ด ชูลทส์ ผู้นี้ถือเป็นตัวจักรสำคัญในการสนับสนุนความใกล้ชิดระหว่างอเมริกาและอิสราเอล สิ่งที่เขาทำถือเป็นเกียรติอย่างสูงโดยได้รับการเชิดชูความดีงามนี้ผ่านการโฆษณาโดยกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล นายชูลทส์ยังเคยกล่าวปราศรัย ประณามชาวปาเลสไตน์ และเรียกร้องให้ผู้คนทั้งหลายเห็นใจและอยู่เคียงข้างอิสราเอล

แม็คโดนัลด์ (Mcdonald's)



แมคโดนัลด์ (Mcdonald’s) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1948 โดยพี่น้องดิ๊กและแมคโดนัลด์เปิดเป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อว่า "แมคโดนัลด์" ในซานเบอร์นาดิโน ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆในรัฐแคลิฟอร์เนีย

แต่คนที่ทาให้แมคโดนัลด์กลายเป็น แมคโดนัลด์อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่ใช่สองพี่น้องตระกูลแมคโดนัลด์ แต่เป็น นายเรย์มอนด์ อัลเบิร์ด คร็อก (Raymond "Ray" Albert Kroc ) ชาวอเมริกันเชื้อสายเช็ก ผู้มาร่วมกิจการกับสองพี่น้องคู่นี้ในภายหลัง และจากนั้นก็ซื้อกิจการร้านแมคโดนัลด์มาบริหารต่อ แล้วเขาก็ได้พัฒนาร้านแมคโดนัลด์จนกลายเป็นเครือข่ายธุรกิจอาหารจานด่วนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกจนกระทั่งปัจจุบัน

ปัจจุบันแมคโดนัลด์มีสาขากว่า 31,000 สาขาใน 121 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ให้บริการลูกค้ามากกว่า 50 ล้านคนต่อวัน อาหารหลักที่ขายทั่วไปคือ แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย ไก่ทอด สลัด ชุดอาหารเช้า ชุดอาหารสำหรับเด็ก และของหวานอีกหลายชนิด เช่น ไอศกรีม เป็นต้น แมคโดนัลด์กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอเมริกันและทุนนิยม การเปิดสาขาของร้านแมคโดนัลด์ในประเทศต่างๆ มักถูกมองเป็นการบุกรุกของวัฒนธรรมอเมริกัน นอกจากนี้อาหารของแมคโดนัลด์ยังได้รับการวิจารณ์ในเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพอีกด้วย

สายสัมพันธ์ระหว่างยิวกับแม็คโดนัลด์

จากเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์แห่งชิคาโก้ได้แสดงให้เห็นว่า บริษัทแมคโดนัลด์คือหุ้นส่วนใหญ่ของ กองทุนสหภาพชาวยิว ( The Jewish United Fund ) โดยกองทุนดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อดูแลทหารอเมริกัน และเอื้อประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งคอยให้ความช่วยเหลือด้านการทูตกับประเทศอิสราเอล ตลอดจนเฝ้าติดตามการเสนอข่าวเกี่ยวกับประเทศอิสราเอลของสื่อมวลชน

โค้ก และเครื่องดื่มในเครือโคคาโคล่า


ทำไมเราต้องบอตคอตโคคาโคล่าด้วย?

เป็นที่ทราบกันดีว่าโคคาโคล่านั้นสนับสนุนการก่อตั้งรัฐอิสราเอลขึ้นตั้งแต่ปี 1966 แล้ว หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาไม่นานมานี้เป็นหลักฐานยืนยันได้ดี

+ ในปี 1997 รัฐบาลอิสราเอลได้กล่าวสรรเสริญโคคาโคล่าที่ให้การสนับสนุนอิสราเอลมาตลอด 30 ปีที่ผ่านมา และสำหรับการที่โคคาโคล่าปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับสันนิบาตอาหรับในการบอยคอตอิสราเอล

+ 11 ตุลาคม 2001 โคคาโคล่าเป็นเจ้าภาพและเป็นผู้สนับสนุนหลักในงาน American-Israel Chamber of Commerce Eagle Star Awards Gala

+ กุมภาพันธ์ 2002 โคคาโคล่าร่วมมือกับ "Friends of Israel" และ National Hillel เพื่อให้การสนับสนุนการบรรยายของ Linda Gradstein ผู้สื่อข่าวไซออนนิสต์ การบรรยายนี้เกิดขึ้นที่ University of Minnesota

+ กรกฎาคม 2002 มีการประกาศว่าโคคาโคล่าจะสร้างโรงงานบนที่ดินที่ขโมยมาจากแผ่นดินปาเลสไตน์บริเวณ Kiryat Gat โรงงานแห่งนี้จะจ้างแรงงานชาวอิสราเอลจำนวน 700 คน ประชาชนชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ถูกไล่ออกจากพื้นที่ในปี 1949

+ ตุลาคม 2005 โคคาโคล่าเพิ่มการลงทุนในอิสราเอลด้วยการซื้อหุ้นของบริษัท Tavor Winery 51% ซึ่งเป็นบริษัทของอิสราเอลที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ที่อิสราเอลยึดครองมาจากปาเลสไตน์บริเวณตีนเขา Tavor
การที่โคคาโคล่าสนับสนุนอิสราเอลถือเป็นการสนับสนุนการอธรรมต่อชาวปาเลสไตน์ ด้วยเหตุนี้ โคคาโคล่าจึงเป็นหนึ่งในบริษัทที่เราต้องทำการบอยคอต

สินค้าอื่นๆ จากบริษัทโคคาโคล่าได้แก่ แฟนต้า สไปร์ท ชเว็ปส์ ซีนคิสต์ ฯลฯ



วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เนสท์เล่ (Nestle)

  

เนสท์เล่ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1867 โดยนักเคมีชาวเยอรมันชื่ออองรี เนสท์เล่ (Henri Nestle) สัญลักษณ์ของเนสท์เล่ซึ่งเป็นรูปแม่นกและลูกนกในรังได้มาจากตราประจำตระกูลของผู้ก่อตั้ง โดยคำว่าเนสท์เล่ในภาษาเยอรมันหมายถึงรังนกเล็กๆ แม้ว่าจะเริ่มต้นธุรกิจด้วยการผลิตอาหารประเภทนมและอาหารเสริมสำหรับเด็ก ทว่าในเวลาต่อมาเนสท์เล่ได้ขยายการผลิตสู่ผลิตภัณฑ์ชนิดต่างๆ อีกมากมายอาทิ เครื่องดื่มชนิดผง เครื่องปรุงรสอาหาร ผลิตภัณฑ์แช่เย็น และผลิตภัณฑ์แช่แข็ง ไอศกรีม น้ำแร่ และอาหารเพื่อสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ของเนสท์เล่ตั้งอยู่ที่เมือง เวเวย์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์มีโรงงานผลิต 480 แห่งใน 86 ประเทศมีศูนย์วิจัยหลัก 1 แห่งอยู่ที่เมืองโลซานน์และเครือข่ายศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อีก 23 แห่งใน 4 ทวีป

เนสท์เล่กับการลงทุนในอิสราเอล

เนสท์เล่เริ่มการลงทุนในอิสราเอล เมื่อปี 1995 โดยการซื้อหุ้นส่วน 10% ของบริษัทผลิตอาหารโอเซ็ม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาหารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆของอิสราเอล สองปีต่อมาเนสท์เล่เพิ่มหุ้นเป็น 50.1% ด้วยเงินทุน 140 ล้านเหรียญ และในปี 1998 ตัวแทนของบริษัทเนสท์เล่ก็ขึ้นรับรางวัล จูบะลี อวอร์ด จากนายกรัฐมนตรีอิสราเอล อันเป็นรางวัลสูงสุดที่ประเทศอิสราเอลจะให้แก่องค์กรหรือบริษัทต่างชาติที่ก่อผลประโยชน์มหาศาลให้แก่เศรษฐกิจอิสราเอล

จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (Johnson & Johnson)






จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกา มีบริษัทในเครือมากกว่า 250 บริษัท ใน 57ประเทศทั่วโลก สินค้าที่รู้จักกันดีได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลเด็ก เช่น แป้ง แชมพู ครีม โลชั่น ,โมเดส, แคร์ฟรี ,นิวโทรจีน่า , คลีนแอนด์เคลียร์, แป้งชาวเวอร์ทูชาวเวอร์ , ลิสเตอรีน ,แอคคิววิว,ไทลีนอล,ไหมขัดฟันรีช,แบนด์เอด ฯลฯ โดยผลิตภัณฑ์หลายรายการได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ในอันดับที่ 1 นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้เข้าซื้อกิจการเวชภัณฑ์ยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ส่งผลให้บริษัทฯ เป็นเจ้าของยารักษาโรคหลายรายการ และยังสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นสูงทางด้านการแพทย์ได้อีกด้วย

ความสัมพันธ์กับอิสราเอล

-  ในปี 1998 ผู้แทนบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน นายโรเจอร์ เอส ไฟเนียน รับรางวัล "จูบิลี อะวอร์ด" จากนายกรัฐมนตรีอิสราเอล นายเนทานยาฮู ซึ่งนับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่มอบให้กับบุคคลและองค์กรที่มีให้การสนับสนุนทางการเงินและมีความสัมพันธ์อันดีทางการค้ากับอิสราเอล ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจอิสราเอล

วอลท์ ดิสนีย์ (Walt Disney Company)


มิกกี้เม้าส์ หมีพูห์ ซินเดอเรลร่า สโนไวท์ โดนัลดักส์ ฯลฯ เหล่านี้คือชื่อของตัวการ์ตูนชื่อดังที่เด็กๆรวมถึงผู้ใหญ่ต่างคุ้นเคยกันดี เจ้าของภาพยนตร์และลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนเรื่องดังกล่าวก็คือบริษัท วอลท์ ดิสนีย์ (The Walt Disney Company) ซึ่งเป็นบริษัทสื่อมวลชนและเครื่องเล่นชื่อดังของโลก สำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองเบอร์แบงก์ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นอกจากนี้บริษัท วอลท์ ดิสนีย์ ยังเป็นผู้ครอบครองสื่อชื่อดังอย่าง ABC (American Broadcasting Company) ซึ่งเป็นเครือข่ายโทรทัศน์ที่ใหญ่ยักษ์ในอเมริกา

หลักฐานในอดีตที่แสดงให้เห็นว่าดิสนีย์สนับสนุนการขยายอาณาเขตของชาวอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ คือการจัดนิทรรศการวอลท์ ดิสนีย์ มิลเลเนี่ยมขึ้นในรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา โดยนิทรรศการนี้ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งของอิสราเอลเพื่อรณรงค์ให้โลกยอมรับการเรียกร้องสิทธิเหนือแผ่นดินเยรูซาเล็ม ในการจัดนิทรรศการครั้งนี้ใช้เงินถึง 8 ล้านดอลลาร์ โดยอิสราเอลได้ให้เงิน 1.8 ล้านดอลลาร์ เพื่อส่งเสริมการจัดงานดังกล่าว

กลุ่มบริษัท ดาน่อน (Danone)


กลุ่มบริษัทดาน่อน ยักษ์ใหญ่ผลิตภัณฑ์อาหารนมของโลก สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญในเรื่องโยเกิร์ตระดับโลกที่มีส่วนแบ่งตลาดค่อนข้างมาก สำหรับประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ที่คุ้นตาผู้บริโภคในเครือดาน่อนประเภทโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวจะอยู่ภายใต้ชื่อ แอคทีเวียแต่บริษัทดาน่อนนั้นไม่ได้ลงทุนตั้งโรงงานผลิตเองในเมืองไทย ดาน่อนได้จ้างบริษัทดัชมิลล์ให้ผลิตแทน นอกจากนี้กลุ่มบริษัทดาน่อนยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จัก อาทิเช่น น้ำแร่เอเวียง(Evian) ,น้ำแร่วอลวิก (Volvic) เป็นต้น

ความสัมพันธ์กับอิสราเอล
ในปี 1998 นาย Franck Riboud ตัวแทนบริษัทดาน่อนได้รับรางวัล จูบะลี อวอร์ด จากนาย เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดที่อิสราเอลมอบให้กับบรรดาบุคคลและองค์กรที่ก่อประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของอิสราเอล นอกจากนี้ ในปีเดียวกันบริษัทดาน่อนยังได้ก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นที่อิสราเอลอีกด้วย
  

แหล่งอ้างอิง : http://www.inminds.co.uk/boycott-danone.html

ซ่าร่า ลี (Sara Lee)


ซาร่า ลี ( Sara Lee) เป็น บริษัทสัญชาติอเมริกา จำหน่ายสินค้าครอบคลุมประมาณ 200 ประเทศทั่วโลก และบริษัทข้ามชาติรายนี้อยู่ในเมืองไทยมากว่า 20 ปี เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค อันได้แก่ กาแฟมอคโคน่า (Moccona) ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเครื่องหนังกีวี (Kiwi) น้ำยาทำความสะอาดพื้นกีวี คลีน (Kiwi Kleen) น้ำหอมปรับอากาศแอมบิเพอร์ (Ambi Pur) ผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงริดเซ็คท์ (Ridsect) ชาพิควิค (Pickwick) เป็นต้น

และเช่นเคยบริษัทอเมริกาที่เราต้องบอยคอตแห่งนี้ ไม่พลาดที่จะเคยได้รับรางวัลอันทรงเกียรติสูงสุดที่อิสราเอลมอบให้กับบรรดา บุคคลและองค์กรที่ก่อประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจของอิสราเอล โดยในปี 1998 นาย Lucien Nessim ตัวแทนบริษัทซาร่า ลี ได้รับรางวัล จูบะลี อวอร์ด จากนาย เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ณ เวลานั้น

เทสโก้โลตัส (Tesco Lotus)




ในปี 2537 โลตัสซูเปอร์เซ็นเตอร์ (Lotus SUPERCENTER) ได้ถือกำเนิดขึ้นจากกลุ่ม C.P. (เครือเจริญโภคภัณฑ์) เป็นกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ของไทย ในนามของบริษัทเอก-ชัย ดิสทริบิวชั่นซิสเทม จำกัด พอช่วงวิกฤติเศรษฐกิจฟองสบู่แตกของประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2540 กลุ่ม C.P.จึงต้องขายหุ้นให้กับกลุ่มเทสโก้(TESCO) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติจากสหราชอาณาจักร จนกลายเป็น เทสโก้ โลตัส (TESCO Lotus) มาจนถึงทุกวันนี้

ห้างยิว
เทสโก้ถือเป็นห้างค้าปลีกประเภทของชำที่ใหญ่อันดับ 3 ของโลก รองจากวอล-มาร์ทของสหรัฐฯ และคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส สำหรับประวัติความเป็นมาของเทสโก้นั้น เริ่มเมื่อปี 1919 เมื่อแจ๊ก โคเฮน ทหารหนุ่มชาวอังกฤษวัย 21 ปี ลูกของยิวโปแลนด์ ผู้รับใช้ชาติในกองทัพอากาศช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เดินทางกลับมาพร้อมเงินรางวัล 30 ปอนด์ ซึ่งเขาใช้แลกเสบียงประเภทข้าวสารอาหารแห้งทั้งหมด จากนั้นก็เปิดแผงลอยในอีสต์ลอนดอนขายของชำพวกนี้ ธุรกิจดำเนินไปด้วยดีจนถึงปี 1924 โคเฮนจึงได้ตั้งบริษัท เทสโก้ขึ้น และภายหลังเขาก็ได้แต่งงานกับซาร่า ฟอกซ์ ลูกสาวของชาวยิวรัสเซีย