:::
สงครามโลกครั้งที่ 1 :::
ปี 1914 [2457]
-
สงครามโลกครั้งที่ 1 Chaim Weizmann (คาอิม ไวซ์มันน์) นักเคมีชาวยิวสมาชิกกลุ่มไซออนิสต์ (ประธานองค์กรไซออนิสต์โลก
2 สมัย และประธานาธิบดีคนแรกของอิสราเอล) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด
ได้ทำการคิดค้นดินระเบิดประสิทธิภาพสูง ซึ่งสามารถผลิตเองได้โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่าย
ก่อนหน้านั้นกองทัพอังกฤษใช้ดินระเบิดคอร์ไดท์ ซึ่งอังกฤษผลิตเองได้แต่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบสำคัญคือ
อาซีโทน (Acetone) โดยจำเป็นต้องสั่งเข้าจากเยอรมันซึ่งเป็นคู่สงคราม เมื่อไม่มีวัตถุดิบ อังกฤษจึงประสบปัญหาใหญ่ในการทำสงคราม
จนกระทั่งได้ ดร.คาอิม มาช่วย
***
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เราจะเห็นแผนการอันแยบยลของไวซ์มันน์ ที่ยอมช่วยเหลืออังกฤษ(ฝ่ายพันธมิตร)
และสามารถโน้มน้าวอังกฤษจนนำไปสู่คำประกาศบัลฟอร์ ที่เอื้อต่อการเกิดรัฐยิวขึ้นในปาเลสไตน์
(Jewish
National Home in Palestine)
ปี 1915 [2458]
-
มีการติดต่อกันทางจดหมายระหว่าง เซอร์ เฮนรี่ แม็กมาฮอน (Sir
Henry McMahon) ข้าหลวงใหญ่อังกฤษประจำอียิปต์
กับ ชะรีฟ หุสัยน์ (Sharif Hussein) ผู้ครองแคว้นฮิญาชและเป็นตัวแทนของชาวอาหรับ ซึ่งใจความของจดหมายนั้นแม็กมาฮอนพยายามเกลี้ยกล่อมให้ชาวอาหรับสนับสนุนฝ่ายมหาอำนาจพันธมิตร
สู้รบกับฝ่ายมหาอำนาจอักษะในสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยสัญญาจะให้เอกราชแก่ชาวอาหรับในทุก ๆ ดินแดนหลังจากสงครามยุติลง
รวมถึงปาเลสไตน์ด้วย ด้วยเหตุนี้ อังกฤษจึงได้ลงนามในข้อตกลงแองโกล-อาหรับในฤดูใบไม้ร่วงปี
1915
ชะรีฟ หุสัยน์์ จึงเข้าร่วมรบกับกองทัพฝ่ายพันธมิตร ชาวอาหรับจากซีเรีย
เลบานอน และปาเลสไตน์ ก็เข้าร่วมลุกฮือขึ้นก่อกบฎต่อต้านอาณาจักรออตโตมานที่ประกาศเข้าร่วมสงครามในนามฝ่ายอักษะ
ผลปรากฏว่า อังกฤษได้รับชัยชนะในสงครามโลก ทำให้จักรวรรดิออตโตมานล่มสลายลงโดยสิ้นเชิง
ปี 1916 [2459]
-
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้ทำสนธิสัญญาไซเกส-ปิโกต์ (Sykes-Picot)
เพื่อแบ่งดินแดนตะวันออกกลางของจักรวรรดิออตโตมานหรืออุษมานียะฮฺ
ปี 1917 [2460]
-
อังกฤษได้ออกประกาศบัลฟอร์ (The Balfour
Declaration) ซึ่งเขียนขึ้นโดย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ คือ ลอร์ด อาเธอร์ เจมส์ บัลฟอร์ ส่งเป็นจดหมายไปให้ลอร์ด
รอทช์ชายด์ (Lord Rothchild) ผู้นำของชาวยิวในอังกฤษ เพื่อยกดินแดนบางส่วนของปาเลสไตน์ให้ชาวยิวเข้าไปตั้งถิ่นฐาน
เป็นการตอบแทนความช่วยเหลือในสงครามโลกครั้งที่ 1 ของคาอิม ไวซ์มันน์ (ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
กระทรวงทหารเรือของอังกฤษ ในช่วงปี 1916-1919) ในฐานะที่เป็นคนพัฒนาอาวุธและเคยให้คำปรึกษาด้านยุทธศาสตร์แก่นายกรัฐมนตรีอังกฤษในสมัยนั้น
(David
Lloyd George) เพื่อทำสงครามกับจักรวรรดิออตโตมาน
จนในที่สุดฝ่ายพันธมิตรเป็นฝ่ายชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1
เป็นประกาศที่ชาวอาหรับถูกหักหลัง เพราะไม่เพียงแต่อังกฤษจะไม่รักษาคำมั่นสัญญา
แต่ยังไปสนับสนุนองค์กรยิวไซออนิสต์ให้จัดตั้งรัฐยิวขึ้นในปาเลสไตน์ โดยไม่ได้ปรึกษาหารือกับชาวอาหรับเจ้าของดินแดนแต่ประการใดทั้งสิ้น
อีกทั้งยังออกมาตรการต่าง ๆ ขึ้นมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวยิวได้อพยพเข้ามาในแผ่นดินปาเลสไตน์แบบไม่จำกัดจำนวน
***
ชาวยิวจากยุโรป(ส่วนมากจากรัสเซีย และโปแลนด์)ได้เดินทางอพยพเข้าปาเลสไตน์ครั้งที่
3
(3rd Aliya: 1919-1923) เนื่องด้วยคำประกาศบัลฟอร์ที่อำนวยความสะดวกให้
บวกกับวิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้นในยุโรปในตอนนั้น
ไวซ์มันน์ถือว่าคำประกาศบัลฟอร์เป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของขบวนการไซออนิสต์(ในสมัยนั้น)
:::
11 กันยายน 1918 สงครามโลกครั้งที่ 1 ยุติ :::
ปี 1922 [2464]
-
สภาของสันนิบาตชาติ (League of Nations) อนุมัติให้ปาเลสไตน์เป็นดินแดนในอาณัติของอังกฤษ โดยได้รับหลักการของคำประกาศบัลฟอร์
พร้อมกับย้ำถึงความผูกพันเชิงประวัติศาสตร์ของชาวยิวต่อดินแดนปาเลสไตน์
สันนิบาตชาติได้พูดถึงการก่อจัดตั้งถิ่นพำนักของชาวยิว (Jewish
National Home) องค์กรปกครองตนเองต่าง
ๆ และให้มีองค์การชาวยิว (Jewish Agency) คอยให้คำแนะนำและร่วมมือกับคณะบริหาร ปาเลสไตน์ในเรื่องที่เกี่ยวกับถิ่นพำนักของชาวยิว
การปกครองแบบอาณัติ (British Mandate for
Palestine) เริ่มมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่
29 กันยายน 1923
Ref: Ummah Islam
[Timeline:
The Founding of the State of Israel]