คอลิด มัชอัล (ฉายาว่า อบุล วะลีด) ผู้นำทางการเมืองของกลุ่มหะมาสที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน
มีตำแหน่งทางการเป็นหัวหนัาสำนักงานการเมือง (อัล-มักตับ อัสสิยาสียฺ) ของกลุ่มหะมาส
สืบสานจากผู้นำคนก่อนคืออับดุลอะซีซ อัรฺร็อนตีซียฺ ที่ถูกลอบสังหารไปในปี 2004
คอลิด มัชอัล เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปี 1956 ที่เมืองสิลวาด
ใกล้กับเมืองรอมัลลอฮฺ ในเขต West Bank ปาเลสไตน์ ในปี 1967 ระหว่างที่เขากำลังศึกษาอยู่ในระดับประถมศึกษาก็ได้เกิดสงครามหกวันขึ้น
ทำให้เขาและครอบครัวต้องอพยพลี้ภัยไปยังประเทศคูเวต
คอลิด มัชอัล ได้ศึกษาต่อและสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาที่ประเทศคูเวต
หลังจากนั้นก็เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะวิทยาศาสตร์ สาขาฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยคูเวต
ช่วงนี้เองที่เป็นจุดพลิกผันที่สำคัญมากสำหรับชีวิตของเขา นั่นคือการเข้าไปมีบทบาททำกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย
เขาเริ่มต้นเป็นประธานชมรมกออิมะฮฺ อัล-ฮักกฺ อัล-อิสลามียะฮฺ qa’imat
al-haq al-islamiyya (ในภาษาอังกฤษแปลเอาความว่า
Islamic
Justice หรือ สิทธิอันเที่ยงธรรมแห่งอิสลาม)
ในปี 1977 ชมรมกออิมะฮฺ อัล-ฮักกฺ อัล-อิสลามียะฮฺ ก็ได้ลงสมัครเลือกตั้งเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมกับสหภาพนักศึกษาปาเลสไตน์
[ the
General Union of Palestinian Students (GUPS) ] องค์กรนี้เป็นองค์กรนักศึกษาของชาวปาเลสไตน์ในระดับนานาชาติที่มีกิจกรรมมายาวนาน
บุคคลสำคัญทางการเมืองของปาเลสไตน์มักผ่านสหภาพนักศึกษาแห่งนี้แม้แต่นายยัซเซอร์ อาราฟัต
จึงไม่แปลกที่ขณะนั้นสหภาพถูกบริหารงานโดยกลุ่มนักศึกษาที่นิยมแนวทาง PLO
ของยัซเซอร์ อาราฟัต ขณะที่ชมรมกออิมะฮฺ อัล-ฮักกฺ อัล-อิสมียะฮฺ
ของคอลิด มัชอัล มีรายชื่ออยู่ในสังกัดของขบวนการอิสลามของปาเลสไตน์ที่ถือว่าเป็นสาขาของภราดรภาพมุสลิมอีกด้วย
เป็นที่มาของการแข่งขันระหว่างนักศึกษาสายอิสลามของมิชอัลกับกลุ่มชาตินิยมของ PLO
ต่อมาทางสหภาพนักศึกษาปาเลสไตน์ (GUPS)
ได้ยกเลิกการเลือกตั้ง มัชอัลจึงตัดสินใจก่อตั้งองค์กรนักศึกษาปาเลสไสต์สายอิสลามที่ทรงอิทธิพลขึ้นในปี
1980 นั่นคือ สันนิบาตอิสลามเพื่อนักศึกษาปาเลสไตน์ (al-rabita
al-islamiyya li talabat filastin) ในทศวรรษ 80 ถือกันว่าเป็นทศวรรษที่กระแสการตื่นตัวอิสลามในมหาวิทยาลัยคูเวตเข้มข้นเป็นอย่างมาก
คอลิด มัชอัลทำงานเป็นครูในคูเวต ระหว่างปี 1978 - 1984 แต่งงานในปี
1980 มีลูกสาว 3 คน และลูกชาย 4 คน
ช่วงเวลาที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของคอลิด มัชอัล คือการก้าวเข้าสู่ขบวนการอิสลามกับกลุ่มภราดรภาพมุสลิม
ในปี 1983 ทางขบวนการอิสลามได้เปิดการประชุมภายในขึ้นในประเทศอาหรับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีตัวแทนจากฉนวนกาซา
ร่วมกับผู้อพยพชาวปาเลสไตน์จากประเทศต่าง ๆ คอลิด มิชอัลเป็นผู้นำคนหนึ่งที่เข้าร่วม
และการประชุมนี้ได้วางรากฐานที่สำคัญในการก่อเกิดขบวนการหะมาส โดยตัวของคอลิด มิชอัลเองได้อุทิศตนเต็มเวลาเพื่อภารกิจนี้ที่ได้เริ่มขึ้นในปีต่อมา
เมื่อเกิดสงครามอ่าวขึ้นในปี 1991 เขาได้ย้ายไปอยู่จอร์แดน และทำงานกับหะมาสโดยตรงในสำนักงานการเมือง
และก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำสำนักงานในปี 1996
ขณะที่อาศัยอยู่ในจอร์แดนได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ชื่อของคอลิด
มัชอัลเป็นที่่รู้จักของนานาชาติ นั่นคือในวันที่ 25 เดือน กันยายน ปี 1997 เขาตกเป็นเป้าหมายการลอบสังหารของหน่วยมอสสาดอิสราเอล
ขณะนั้นอิสราเอลอยู่ภายใต้บริหารของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ... หน่วยมอสสาด
10 คน ได้เข้ามาในประเทศจอร์แดนโดยถือพาสปอร์ตแคนาดา และพ่นสารพิษใส่ตัวคอลิด มิชอัล
อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่จอร์แดนก็เข้าจับกุมหน่วยมอสสาดได้
2 คน กษัตริย์ฮุเซ็นของจอร์แดนได้เรียกร้องให้เนทันยาฮู ส่งมอบยาถอนพิษ ตอนแรกเนทันยาฮูปฏิเสธ
ทางบิล คลินตัน ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น จึงเข้ามาไกล่เกลี่ยและขอร้องให้เนทันยาฮูส่งมอบยาถอนพิษในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้มีการเจรจาแลกเปลี่ยนบุคคลสำคัญของหะมาส
โดยเจ้าหน้าที่รัฐจอร์แดนได้ปล่อยตัวหน่วยมอสสาด 2 คน เพื่อแลกกับการปล่อยตัวชัยคฺ
อะหฺมัด ยาสีน ผู้นำด้านจิตวิญญาณและผู้ก่อตั้งหะมาส ซึ่งถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิตในอิสราเอลขณะนั้น
ในปี 1999 หะมาสกลายเป็นองค์กรต้องห้ามในจอร์แดน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายในประเทศ
คอลิด มัชอัลถูกจับกุมและเนรเทศออกนอกประเทศ เขาจึงไปตั้งถิ่นฐานที่ประเทศกาตาร์ กระทั่งปี
2001 ก็ย้ายไปดามัสกัส ประเทศซีเรีย
ในปี 2012 ได้เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรีย คอลิด มัชอัลและหะมาสสนับสนุนฝ่ายต่อต้าน
ทำให้เขาต้องปิดสำนักงานการเมือง และย้ายกลับไปยังประเทศกาตาร์ในปัจจุบัน
หะมาสได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งของชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา
ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ทางสหประชาชาติจัดขึ้น เมื่อวันที่ 29 มกราคม ปี 2006 คอลิด
มัชอัลยืนยันว่าหะมาสไม่มีแผนที่จะปลดอาวุธ "หะมาสพร้อมที่รวบรวมอาวุธจากกลุ่มต่าง
ๆ ของปาเลสไตน์ ด้วยจิตสำนึกของชาวปาเลสไตน์ และสร้างกองทัพเหมือนกับรัฐอิสระอื่น ๆ
กองทัพนั้นจะคุ้มครองประชาชนของเราและต่อต้านการรุกราน"
ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นในเขตฉนวนกาซาทุกครั้ง
คอลิด มัชอัลได้ยกระดับการต่อสู้ของชาวปาเลสไตน์ขึ้นมาเป็นกระแสสากลยิ่งกว่ายุคใด ๆ
เป็นที่สนใจและติดตามของผู้คนทั่วทั้งโลก
ในปี 2010 วารสารของประเทศอังกฤษ New
Statesman ได้จัดลำดับให้คอลิด
มัชอัลเป็นผู้มีอิทธิพลอันดับที่ 18 ของโลก
ท่ามกลางการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยอัล-กุดส์มาตลอดชีวิต ชีวิตของคอลิด
มัชอัล อีกด้านหนึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะคนที่จัดเวลาสำหรับการศึกษาอัลกุรอาน โดยเฉพาะการท่องจำ
ทุกที่ที่เขาเดินทางอพยพไป เขาได้สละเวลาศึกษาและท่องจำอัลกุรอานกับชัยคฺต่าง ๆ อยู่เสมอ
ช่วงที่อยู่คูเวตเขาได้ศึกษากับชัยคฺมุฮัมมัด อับดุรฺเราะหฺมาน เขาสามารถท่องสูเราะฮฺบะเกาะเราะฮฺจบในสองสัปดาห์และตามด้วยท่องจำสูเราะฮฺอาละอิมรอนในสิบวัน
ขณะที่อยู่ซีเรียเขาได้ท่องจำอัลกุรอานกับชัยคฺอับดุลฮาดียฺ อัฏฏ็อบบาอฺ จนได้รับอิญาซะฮฺ
(ใบอนุญาตการรับรองทางการศึกษาและสอนต่อแบบคลาสสิก) ในความรู้อัลกุรอาน
...........................................
Ummah Islam เรียบเรียง
...........................................